Where do you want to travel?
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
เช้าวันใหม่ ตื่นเช้ามาพร้อมสายฝนเลยค่ะ วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกทั้งวัน เศร้าใจ แต่ทริปเราจะไม่หยุดค่ะ
วันนี้ขึ้นรถไฟ JR จาก Sapporoไป Otaru กัน ใช้เวลา 30 นาทีค่ะ จากที่เราอ่านมาเค้าบอกว่าให้ลงสถานี Minami Otaru จะใกล้กว่า เราก็เลยลงสถานี Minami Otaru เดินออกไปประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอแยก Marchen Square ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Music Box museum หรือเรียกอีกชื่อว่า Otaru Orgel Museum
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มี “นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Stream Clock)” ตั้งอยู่ด้วย
Otaru Orgel Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่า 3,400 ชนิด และมีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 25,000 ชิ้น สินค้าที่เป็นที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็น กล่องดนตรีนาฬิกาไอน้ำและคิตตี้ กล่องดนตรีนางฟ้า กล่องดนตรีแมวกวัก เป็นต้น
ถึงเวลาชอปปิ้งแล้วสิคะ รออะไร อยากได้ไปหมดเลย
หลังจากนั้นเราก็ไปร้านเป้าหมายที่รอคอยมานาน ก็คือร้าน cheesecake ในตำนานชื่อร้าน LeTao ร้านนี้มี 4 สาขาซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน สาขาที่เราไปก็อยู่ใกล้ๆกับ Otaru Orgel Museum เลยค่ะ
เมนูที่เค้าแนะนำก็คือ Double Fromage cheesecake กะ cake อีก 1 ชิ้น พร้อมชา 1 ถ้วย ราคา 1200 เยน อร่อยมากจิงๆค่ะ ก่อนกลับต้องซื้อกลับบ้านแน่นอน ไม่พลาด เค้าบอกว่าที่สนามบิน New Chitose มีขาย ไม่ต้องแบกกลับไปนะคะ เพราะว่ามันต้องแช่ตู้เย็นตลอด และมันต้องกินภายใน 1 วันเท่านั้น ถ้าเป็นปอนด์ ปอนด์ละ 1700 เยนค่ะ
หลังจากทานเค้กเสด ฟ้าก็เริ่มใสแล้ว เราก็เดินตาม เส้น Sakaimachi street มาเรื่อยๆ เมืองนี้เดินง่าย ไม่หลงแน่นอนค่ะ ถนนเส้นนี้นอกจากจะมีร้านขายของแล้ว ยังเต็มไปด้วยขนมและของกินอีกมากมาย ระหว่างเดิน เราก็แวะชิมไปเรื่อยๆ อิ่มเลยค่ะ
แต่เราก็ไม่พลาดที่จะไปกิน sushi นะคะ มาถึงเมืองท่าทั้งที ครั้งนี้เราตั้งใจไปลอง sushi ที่ร้าน Masa Sushi เพราะเค้าว่ากันว่าเป็น sushi ที่อร่อยขั้นเทพ ร้านก็หาไม่ยากค่ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามคลองโอตารุเลย ร้านนี้นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว วิวยังดีอีกด้วย นั่งกินไปดูวิวไป เพลินมาก
หลังจากกินเสร็จเราก็เดินไปถ่ายรูปสถานที่สุดฮิตของเมืองนี้ Otaru Canal ทัวร์มาลงเต็มเลย ต้องเบียดๆไปหาช่องถ่ายรูปเอา
จากนั้น ก็เดินย้อนกลับมา ขึ้นรถไฟที่สถานีเดิม และก็แวะกิน Rainbow Softcream ในตำนาน เป็น softcream ที่มีไอติม 7 ชั้น 7 สี นอกจากสวยละยังอร่อยอีก แต่ละสีคนละรสชาตินะคะ กินกันไปทั้งหนาวๆเนี่ยแหละ
หลังจากกินไอติมเสร็จเราก็นั่งรถไฟกลับซัปโปโร และก็เข้าพักผ่อนที่โรงแรมค่ะ
.
.
วันต่อมาซึ่งวันสุดท้ายแล้วที่ฮอกไกโด เราตื่นมาพร้อมเสียงเหมือนลูกเห็บตก ตลอดคืน พอมองออกไปนอกหน้าต่าง ปรากฏว่า หิมะแรกของญี่ปุ่น ตกแล้วค่ะ ไม่รู้จะดีใจดีมั้ย เพราะว่าอากาศแย่สุดๆ หนาวได้อีก ใส่ชุดหนายังไงก็ไม่อุ่นเลย
วันนี้เราแพลนว่าจะไป Shiroi Kobito Park หลังจากนั้นก็จะไป Sapporo Beer Garden แล้วก็ไปกินบุฟเฟต์ขาปูที่ Nanda แค่นี้พอค่ะ เพราะอากาศหนาวเกินจะเดินเตร็ดเตร่ได้
เราก็นั่ง Subway ไปลงที่สถานี Miyanosawa Exit 2 ออกมาก็เดินอีกประมาณ 400 เมตรก็ถึงค่ะ แต่อากาศหนาวมากจิงๆ ก็เลยถ่ายรูปข้างนอกได้นิดเดียว ความจริงแล้วข้างนอก มีที่ถ่ายรูปน่ารักๆเต็มเลย แต่ทนกับสภาพอากาศไม่ไหวจริงๆค่ะ สังเกตจากหน้าได้ ปากสั่นมาก 555
แล้วก็ยังไม่วายเข้าไปนั่งกินไอติมกัน เพราะมันฮิต ต้องลอง
เสร็จแล้วก็ต้องกลับไปที่ Sapporo ต่อ เราก็เลยใช้เวลาวันนี้ไปกับการ shopping ในห้างทั้งวัน
ประมาณ 4 โมงเย็น เราก็มาขึ้นแท็กซี่ หน้า JR Sappporo Station เพื่อนั่งไปที่ Sapporo Beer Garden เราบอกแท็กซี่ว่า ซัปโปโรบีรุเอ็ง ค่ะ ค่าแท็กซี่ 1200 เยนค่ะ แลกกับความหนาว ก็โอเคค่ะ ไปถึงก็รีบวิ่งเข้าไปใน Museum เลย ทนอากาศไม่ไหว
ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ แต่หลังจากเดินเสร็จ หากใครอยากชิมเบียร์ ก็สามารถสั่งได้ค่ะ เค้ามีให้เลือก 3 แบบ ราคาแก้วละ 200 เยน ถ้าเป็น เซทมี 3 แก้ว เซทละ 500 เยนค่ะ เราเลือก Sappporo Beer มา 1 แก้ว เค้าก็แถมแครกเกอร์มาให้ 1 ซองค่ะ
หลังจากชิมเบียร์ เสร็จ เราก็ยังพอมีเวลา ก่อนไปกินบุฟเฟต์ เพราะเราโทรไปจองไว้ตอน 1 ทุ่ม ก็เลยไปถามที่ Information ว่าจะ Susukino station ทำยังไง เค้าบอกว่ามีรสบัส หน้า museum นั่งไปที่ Odori Park ได้ แล้วก็ค่อยเดิน หรือต่อ subway ไป Susukino ค่ารสบัสคนละ 160 เยนค่ะ ถูกกว่าแท็กซี่เยอะเลย
พอถึง Odori Park เราก็เดินทางไป Subway ซึ่งเส้นนี้เป็น subway shopping street ค่ะ เดินแล้วเกิดกิเลสมากๆๆ พอโผล่ออกมาที่ Tanuki Koji Exit ก็เจอ Donki พอดี ละก็เปิด google map เดินไปที่ร้านเลยค่ะ
ความจริงถ้าเพื่อนๆจะมาจาก subway ก็ลง Tube station Hosuisusukino Exit 4 เดินออกมาก็จะเจอ Cyber city Building ร้านอยู่ชั้น B2 ค่ะ ถ้าใครจะมาแนะนำให้โทรมาจองก่อนก็ดีนะคะ เพราะคนเยอะอยู่ค่ะ ราคาเป็นบุฟเฟต์ คนละ 3,980 Yen/ Person 70 นาที เวลาทำการ : 16:30 – 22:30
พวกเราไปถึงก็รีบไปหยิบขาปูก่อนเลยค่ะ ที่นี่มีปู 3 แบบ คือ snow crab, King Crab, ปูขน
เราไม่เอาปูขนเพราะดูจะแกะยาก อ้อ เค้ามีถุงมือกับที่หนีบปูให้ด้วยนะคะ Line Buffet ที่นี่ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ อาหารก็ดีทุกอย่าง เกินคุ้มค่ะ เราเน้นแค่ ปู กุ้ง แค่นั้นเลย ส่วนของหวานก็มี เมลอนญี่ปุ่น ส้ม เค้ก softcream พูดไปก็ไม่หมด ดูจากรูปเอานะคะ
ถ้าเพื่อนๆมาที่ซัปโปโร แนะนำเลย ว่าห้ามพลาดค่ะ คือดีมากจิงๆ
หลังจากกินเสร็จก็ถึงเวลากลับที่พัก เพื่อจัดกระเป๋ากลับบ้านแล้ว กินเสร็จก็ 2 ทุ่มกว่า แต่หิมะก็ไม่มีท่าทีจะหยุดตกเลยจิงๆ
สำหรับวันนี้ เราขอจบทริปนี้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ การมาเที่ยวครั้งนี้ เรารู้สึกสนุกและคุ้มค่ามากจริงๆค่ะ ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้เห็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป ได้กินอาหารทะเลแบบหนำใจ และที่สำคัญได้ชอปปิ้งอย่างจุใจมาก สำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวในญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้มาที่เกาะฮอกไกโดเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ราคาตั๋วเครื่องบินไม่ต่างจากโตเกียวแล้ว แล้วคุณจะได้พบกับความประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ 🙂
Comments are closed here.