Summer in Kansai

Where do you want to travel?

Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.

Summer in Kansai

 

มีแต่คนถามว่า ช่วงเดือน กค. ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้มั๊ย แล้วจะเที่ยวไหนเมืองไหนดี ครั้งนี้เราเลือกไปแถบคันไซ เหตุผลสั้นๆคือ อยากไป Universal Japan แค่นั้นเลย 555 แต่ทริปนี้นอกจากจะได้ไป USJ สมใจแล้ว เรายังได้ไปที่สวยๆอีกหลายๆที่เลย จะสนุกแค่ไหน ตามไปดูกันค่า

Bellie

ทริปนี้ เรามีเวลาเที่ยวทั้งหมด 8 วัน 7 คืน เราเน้นว่า ไปช่วงไหนก็ได้ที่มีวันหยุด นี่เลยเป็นที่มาของการไปเที่ยวเดือน กค. เดือนที่ญี่ปุ่นมีอากาศร้อนมั่กๆ

 

-วันที่เดินทาง-

เราเดินทางกันวันที่ 13-20 กค. ที่ผ่านมาค่ะ เมืองไทยว่าร้อนแล้ว ญี่ปุ่นร้อนกว่าอีก

.

– การเดินทาง –

ครั้งนี้เราเลือกบินกับ Scoot เพราะได้โปร ไปกลับ 6 พันกว่าๆ รวม นน กระเป๋า และ อาหารก็หมื่นถ้วนพอดี ที่นั่งก็สะดวกสบายค่ะ

.

– ที่พัก –

เนื่องจากเราต้องไปเที่ยวหลายเมือง เราก็เลยต้องเปลี่ยนที่นอนบ่อย  แต่ทุกที่เราเน้น location ที่ติดกับสถานี JR ค่ะ ที่พักตามนี้เลยค่ะ

  • Osaka >> 3 คืนแรก เราเลือกนอนกับ Airbnb
  • Kii-Kasuura >>  Pals Inn Hotel
  • Hiroshima >> Hirosima Ekimae Green Hotel
  • Kyoto >> Piece Hostel Kyoto
  • Osaka คืนสุดท้าย เราพักที่ Hotel Shin Osaka ทีแรกอยากพักที่นี่ทุกคืน แต่เราจองช้าไป ก็เลยจองได้วันสุดท้ายคืนเดียว ขอบอกว่า location ที่นี่ดีงามมาก อยู่ใต้ JR Osaka เลยค่า ราคาก็ไม่แพงด้วย เราจองมาคืนละ 2800 บาท

 

– ไปเที่ยวกันเลย –

พอลงเครื่อง เราก็มุ่งหน้าไปที่ เคาน์เตอร์ JR เพื่อซื้อ JR Area Pass Hiroshima กันก่อนเลย  (5 days ราคา 14000 yen) ความจริงแล้ว มีตั๋วให้เลือกหลายแบบมาก แต่ทริปนี้ เราอยากไป Hiroshima ด้วย ก็เลยซื้อแบบนี้ เพราะคุ้มสุดค่ะ แต่เราเริ่มใช้วันที่ไป wakayama เราก็เลยต้องซื้อตั๋วเข้าเมืองแยกต่างหาก เราซื้อเป็นตั๋ว Haruka +ICOCA (Haruka เป็นตั๋วรถไฟเร็วที่วิ่งเข้าเมือง แวะตามสถานทีหลักๆ ส่วน ICOCA เป็นบัตรเติมเงินค่ะมีเงินอยู่ในนั้น 1500yen)

พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็นั่งรถไฟไปลงที่ Shin Osaka แล้วก็ลากกระเป๋าเดินไปที่พักค่ะ ที่พักที่นี่เดินค่อนข้างไกลพอสมควร ประมาณ 1 กิโลได้ แต่ความจริงมี subway ห่างจากที่พักประมาณ 700 เมตร ซึ่งเราก็นั่ง subway เวลาไปเที่ยวในโอซาก้าค่ะ พอถึงที่พักคืนแรกเราก็นั่ง subway ไป umeda กัน เราไปทานเข้ากันที่ ร้าน Kiji Okonomiyaki เป็น Okonomiyaki เจ้าดังตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของตึก Umeda Sky building เราไปถึงก็เกือบสามทุ่มแล้ว แต่ยังต้องรอคิวอยู่เลย ร้านนี้ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ เราเลยสั่งเมนูที่เค้าแนะนำ ก็ได้เป็น Okonomiyaki หมู กับ ยากิโซบะซีฟู้ดมา อร่อยสมกับที่นั่งรอมายาวนานจริงๆค่ะ

Kansai001

img_3162_2400x1800

รอคิวเกือบชั่วโมงเลย เพราะที่นั่งในร้านไม่เยอะค่ะ

Kansai003

พอกินอิ่ม เราก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบน ของตึก เพื่อไปดูวิวบนตึก วิวสวยมากเลย

Kansai015

บันได้เลื่อนสวยจัง

Kansai015

 

วันที่สอง USJ Day

  • แนะนำให้ซื้อตั๋วก่อนเดินทางนะคะ เพราะถ้าไปซื้อที่ USJ ต้องต่อคิวนานมาก เราซื้อตั๋ว USJ กับ Express Pass กับทาง agent ไปค่ะ

วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อจะไปเที่ยว USJ เรานั่ง JR ไปลงที่สถานี universal city วันนี้คนไม่เยอะมาก แต่ถ้าต่อคิว เครื่องเล่นใหญ่ๆก็ต้องอย่างน้อย 50 นาทีค่ะ สำหรับเรารู้สึกว่าคุ้มนะที่ซื้อ express pass มา เพราะว่า ไม่ต้องต่อคิวเลย สามารถเดินเข้าช่อง Express แล้วโชว์ตั๋วที่ปริ๊นมา แล้วเค้าก็จะสแกน QR code แล้วก็เข้าเล่นได้เลย จะมีเฉพาะ Harrry potter ที่เค้าจะระบุเวลามาให้ เราก็ไปช่วงที่เค้าระบุมา

โซนที่เราชอบมากที่สุดก็คือ Universal Wonderland เหมือนกับโผล่ไปโลกอีกโลกนึงเลย

Kansai004

Kansai005

Kansai007

Kansai006

มาถึงโซน The Wizarding world of Harry Potter โซนที่ฮอตฮิตที่สุดของ USJ

dscf1308-r

เราก็แวะทานอาหารกลางวันกันก่อนที่จะไปเล่นเครื่องเล่นค่ะ

Kansai008

Kansai009

ถ่ายรูปกับปราสาทซักหน่อย ก่อนจะเข้าเล่นเครื่องเล่น

Kansai010

ชิม Butter Beer ซักหน่อย อร่อยจังเลย

Kansai011

Rirakkuma ก็มาค่ะ

Kansai027

สรุปว่าวันนี้เดินเยอะมาก เหนื่อย และสนุกมาก หลังจากเที่ยว USJ เสร็จ เราก็ไปเดินเล่นที่ universal city walk ที่อยู่ด้านหน้าสวนสนุก มีร้าน Moomin stand ด้วย ร้านนี้เป็นร้านขายชา และขายผลิตภัณฑ์ของ Moomin น่ารักมากๆ

Kansai012

Kansai013

จากนั้นเราก็เดินขึ้นไปบนตึก ที่นี่มี Takoyaki museum เราก็เลยไปลองชิมก่อนกลับ ร้านเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่น เราอ่านไม่ออก ก็เลยเลือกร้านที่คนเยอะๆแทน

Kansai037

Kansai038

ทาโกะยากิคำโตๆ ทานตอนร้อนๆอร่อยมากค่ะ

Kansai014

อิ่มแล้วก็นั่งรถไฟกลับไปเดินเล่นย่าน Shinsaibashi ที่มีนักวิ่งกูลิโกะโดดเด่นอยู่

Kansai039

แวะกินขาปูย่าง แล้วก็กลับไปพักผ่อนค่ะ

image

วันที่ 3  Shirahama

วันนี้เราต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะต้องเสียเวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน เรานั่งจากสถานี JR Shin-osaka ไป Shirahama เป็นเมืองชายทะเล ที่อยู่ในจังหวัด Wakayama เราแวะเมืองนี้ก่อนที่จะไปเมือง Kii Katsuura

เมืองShirahama เป็นเมืองชายทะเลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวกันช่วงหน้าร้อน ไม่เจอคนไทยเลยค่ะ นอกจากทะเลสวยๆแล้วที่นี่ยังติดอันดับเมืองออนเซนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วย น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาได้พักที่นี่

เราเดินทางในเมืองโดยซื้อ ตั๋วรสบัสแบบ one day pass  กัน แล้วเราก็แวะไปที่ตลาดปลา Tore tore Fish market เพื่อไปหาอะไรรองท้องก่อน

Kansai017

ที่ Shirahama จะโด่งดังเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาทูน่าหรือ Maguro ค่ะ มีความสดและอร่อยสุดๆ นอกจากอาหารทะเลแล้วยังดังเรื่อง ส้ม ด้วย แต่เราไม่มีเวลาชิม ก็เลยซื้อน้ำส้มมาชิมแทน รสชาติเหมือนน้ำส้มซันควิกเลย
Kansai018

อาหารกลางวันของเรามื้อนี้ก็ต้องเป็นอาหารทะเลอย่างแน่นอนซึ่งก็คือ Otoro Sasimi และ Seafood ramen อาหารทะเลที่นี่สดและราคาถูกมากจริงค่ะ ใครมีโอกาสมาที่นี่ห้ามพลาดนะคะ

Otoro ถาดนี้ 800 เยนค่ะ ละลายในปากมากๆ

Otoro

Seafood Ramen ชามนี้ 1500 เยน อร่อยสุดๆไปเลย

Kansai020

พออิ่มท้อง เราก็นั่งบัสไปต่อกันที่หน้าผาหิน Sandanbeki ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากจุดหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่สามารถลงลิฟท์ไปเที่ยวถ้ำด้านล่างหน้าผาที่เรามองเห็นจากจุดชมวิวได้ด้วย การเข้าชมจะมีค่าเข้า ผู้ใหญ่ 1,300เยน เด็ก 650 เยน

Kansai021

วิวทะเลมองจากถ้ำด้านล่างค่ะ

img_3333_2400x1800

จุดหมายถัดไป เราก็ต่อบัสไปที่ Senjojiki หรือแผ่นหินเสื่อทาทามิ 1000 ผืน

Kansai023

แค่นั่งชิลตรงนี้ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วจริงๆ

Kansai040

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ไปลงที่ Kii-katsuura แต่เรานอนที่สถานีใกล้ๆ ชื่อ Kii-temma ซึ่งต้องเปลี่ยนสายไปอีกสายนึง ต่อไปอีก 1 สถานี

ขอนอกเรื่องนิดนึงค่ะ เราแวะซื้อไอติมที่ร้านมินิมาร์ท อยากบอกว่าอร่อยมาก เป็นไอติมลูกกลมๆข้าง รสองุ่น กินแล้วชื่นใจมาก เหมาะกับอากาศร้อนๆแบบนี้สุดๆ อยากซื้อกลับบ้านจังเลย

Kansai024

วันที่ 4 Kii-Katsuura

เช้าวันใหม่กับอากาศแจ่มใส วันนี้เราจะไปเดินป่ากันค่ะ เส้นทางที่เราเดินกัน คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า Kumano Nachi Taicha ซึ่งเป็นเส้นทางแสวงบุญ ที่นักบุญมาเดินกันค่ะ

เราซื้อตั๋วรสบัสแบบ one day pass ราคาคนละ 1000  เยน   เรานั่งบัสมาลงที่ป้าย Daimonzaka เพื่อจะลงเดินต่อ ที่นี่เก่าแก่กว่า 800 ปี และยังขึ้นแท่นเป็นมรดกโลกด้วยนะคะ

Kansai025

เราใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงครึ่ง สองข้างทางมีแต่ต้นไม้สูงๆเต็มไปหมด ทางเดินเป็นทางชันเล็กน้อย แต่เดินไปนานๆก็เหนื่อยใช้ได้เลย

Kansai041

Kansai042

ในที่สุดก็ถึง ได้เหงื่อกันเลยทีเดียว

ป้ายหน้าศาลเจ้า ป้ายนี้จะเปลี่ยนไปตามปีนักษัตรค่ะ

Kansai028

dscf1700-r

แวะทานโซบะ ก่อนเดินทางต่อ

Kansai030

ในที่สุดก็ถึงแล้ว จุดหมายที่เรารอคอย  เจดีย์ของวัด Seigantoji คู่กับน้ำตก Nachi สวยงามมากเลยค่ะ คุ้มค่ากับที่เดินทางมาตั้งไกล

img_3436_2400x1600

จากนั้นเราก็เดินต่อไปเพื่อไปชมน้ำตก Nachi ใกล้ๆ น้ำตกนี้เป็นน้ำตกที่มีความสูงอันดับ 1 ของญี่ปุ่นเลยนะคะ

kansai047

หลังจากชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเดินทางกันต่อแล้ว จุดหมายถัดไปของเราก็คือ เมือง Hiroshima ค่ะ

วันที 5 Miyajima-Hiroshima

วันนี้เราจะเดินทางไปที่เกาะ Miyajima กันค่ะ การเดินทางก็ไม่ยุ่งยากค่ะ เรานั่ง JR จาก Hiroshima มาลงที่สถานี Miyajimaguchi แล้วต่อ เรือ ferry ไปที่ Miyajima

เราไปถึงประมาณเที่ยงๆพอดี น้ำยังไม่ขึ้น เลยได้เดินลงไปดูเสาโทโรอิชัดๆ โชคดีมากเลย

kansai048

dscf1831-r

Kansai032

บนเกาะมีลำธารให้ไปหย่อนขาแช่น้ำ นั่งปิกนิกได้ด้วย น้ำในลำธารเย็นสดชื่น ดับร้อนได้ดีมากเลยค่ะ

Kansai033

img_3453_2400x1600

ที่เกาะ miyajima มีอาหารที่ขึ้นชื่อก็คือหอยนางรมค่ะ เพราะว่าที่นี่เป็นที่เพาะเลี้ยงหอยนางรมมายาวนานกว่า 300 ปี หอยที่นี่ตัวใหญ่และหวานมาก ไม่คาวเลยค่ะ

dscf1957-r

พอกลับมาถึง Hiroshima เราก็ไปที่ Tourist Information เพื่อไปสอบถามวิธีการเดินทางในเมืองกันค่ะ เมือง Hiroshima จะมีวิธีการเดินทางหลักๆ 2 แบบคือ รถบัส และรถราง ซึ่งเราเลือกการเดินทางโดยรถรางกันค่ะ

  • ที่นี่สถานีรถรางจะอยู่กลางถนน เราก็สามารถข้ามทางม้าลายไปขึ้นรถรางได้เลย วิธีใช้จะคล้ายๆกับรถบัสทั่วไป จ่ายเงินตอนลง และจ่ายตามระยะทาง

เนื่องจากเรามีเวลาจำกัด วันนี้เราเลยตั้งใจจะไปแค่ 2 ที่ก็คือ A-bomb Dome และ Children’s Peace Monument ค่ะ

เรานั่งรถรางมาลง Atomic Bomb Dome Station แล้วเดินข้ามถนน ก็ถึงเลยค่ะ

Kansai035

ข้างๆ A-bomb Dome จะมีแม่น้ำโมโตยาสุ (Motoyasu River) ไหลผ่าน ชิลมากๆเลยค่ะ เดินข้ามสะพานไป ก็จะเจอกับ Children’s Peace Monument แล้วค่ะ ที่นี่จะมีรูปปั้นของเด็กหญิงซะซะกิ ซาดาโกะ (Sasaki Sadako) ยืนถือนกกระเรียนไว้

dscf2032-r

  • ประวัติคร่าวๆของเด็กหญิง ซาดาโกะ: เธอเป็นเด็กหญิงรอดชีวิตจากเหตุการ์ณระเบิดนิวเคลียร์ ต่อมาเธอป่วยด้วยโรงมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนเธออายุได้ 11 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากระเบิดนิวเคลียร์ เธอและเพื่อนๆเชื่อว่าหากพับนกระเรียนได้ครบพันตัว จะสามารถขอในสิ่งที่ตนต้องการได้ เธอจึงใช้เวลา 4 เดือนในการพับนกกระเรียนจะนวน 1300 ตัว ก่อนจะเสียชีวิตลงตอนอายุ 12 ปี

หลังจากนั้น เราก็เดินไปถนนสายชอปปิ้งชื่อว่า Hondori เพื่อไปเดินเล่นและทานอาหารเย็นกันค่ะ ที่ย่าน Hondori นี่ชอปปิ้งสนุกไม่แพ้กับที่ Osaka เลยค่ะ มีร้านขายของ และร้านอาหารเต็มไปหมด

dscf2051-r

วันนี้เราเลือกทานอาหารสไตล์ Isakaya ซึ่งจะมีของปิ้งย่างให้เราย่างเอง และอาหารตามสั่งที่ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นิยมเอาไว้เป็นกับแกล้ม ร้านนี้เดินๆแล้วเจอ ได้จำชื่อร้านไว้เลยค่ะ

dscf2060-r

หลังจากทานอาหารอิ่ม เราก็นั่งรถรางกลับไปที่สถานี Hiroshima เพื่อกลับไปที่พักกันค่ะ

 

วันที่ 6-7  Kyoto

เช้าวันถัดมา เราก็นั่งชินคันเซนจาก Hiroshima ไปที่ เกียวโตกันค่ะ แต่เกิดความผิดพลาดนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้ดูให้ดีว่า JR pass ที่เรามีนั้น รถไฟชินคันเซนสามารถนั่งไปสุดสายได้แค่ที่โอซาก้า ถ้าจะต่อไปที่เกียวโตต้องนั่งรถไฟขบวนปกติ เราก็เลยต้องเสียตังค์เพิ่มที่สถานีเกียวโต เศร้าเลย 🙁

พอถึงที่สถานีเกียวโต เราก็เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมก่อนที่จะเริ่มเที่ยวกัน พอฝากกระเป๋าแล้วเราก็กลับไปขึ้นรสบัสที่ Bus stop อยู่ด้านหน้าสถานี JR Kyoto Station รถบัสที่นี่มีหลายสายมาก เราแนะนำว่าให้แวะไปที่ Tourist Information ตั้งอยู่ชั้น 2 บนสถานีก่อน เพื่อไปถามเค้าถึงสายรถบัส และท่ารถ เราบอกสถานทีกับเค้าและเค้าจะจดให้หมดเลยค่ะว่าต้องนั่งรถสายไหน ขึ้นตรงไหน แล้วก็ซื้อตั๋วที่นี่ได้เลย

  • ที่เกียวโตสามารถเดินทางได้ 2 แบบ คือการนั่งรถไฟ และรถบัส ซึ่งสถานที่ส่วนใหญ่ถ้านั่งบัสจะไม่ต้องเดินไกลมาก เราก็เลยเลือกซื้อ Bus pass แบบ 2 วัน ราคา 1000 เยนค่ะ

พอได้ตั๋วแล้ว เราก็ขึ้นบัสไปเที่ยววัด Kinkakuji หรือวัดทองเป็นที่แรก เสียค่าเข้าคนละ 500 เยน คนเยอะมากๆเลย ต้องต่อคิวถ่ายรูปกันเลยทีเดียว ประกอบกับอากาศร้อนด้วย เราก็เลย รีบถ่าย รีบกลับ

dscf2099-r

แต่ก่อนกลับก็แวะทานข้าวกลางวันหน้าวัดมีร้านโซบะอยู่ค่ะ รสชาติก็พอใช้ได้ พอทานเสร็จก็นั่งรสบัส หน้าวัด ไปที่ Arashiyama กันต่อ เราลงป้ายที่เป็น สะพานโทเง็ตสึเคียว(Togetsukyo Bridge) ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษ์ของอาราชิยาม่า เพื่อไปถ่ายรูปที่สะพานก่อน

dscf2175-r

แล้วค่อยเดินไปที่ป่าไผ่ อยู่ที่นี่จนแดดหมดเลยทีเดียว

Kansai036

dscf2252-r

เรากลับมาทานข้าวเย็นที่สถานีเกียวโต มื้อนี้เราทานข้าวหมูทอดร้าน Katsukura ร้านตั้งอยู่บนตึก The cube ชั้น 11 ร้านนี้เราให้ 10/10 เลยค่ะ ดีงามมากจริงๆ

Kansai044

คืนนี้เรานอนที่ Piece Hostel Kyoto ห้องมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก เข้าไปก็เป็นเตียงเลย  เป็นห้องน้ำรวมอยู่ชั้นล่าง แต่ห้องน้ำสะอาด และใหญ่มาก สำหรับเรา เราชอบที่นี่นะคะ พนักงานน่ารัก เป็นกันเองมาก

ถ้ามีโอกาสมาเกียวโตคราวหน้าก็จะมาพักที่นี่อีกค่ะ

.

.

เช้าวันถัดมา วันนี้เราตั้งใจจะไป Fushimi Inari และวัดน้ำใส แล้วก็จะเข้าโอซาก้ากันค่ะ เราก็ไปเริ่มต้นที่ป้ายรถบัสหน้าสถานี เพื่อไปวัด Kiyomizu dera หรือวัดน้ำใส ก่อน พอไปถึง ก็ไปเช่าชุดกิโมโนใส่ ร้านที่เราเช่า อยู่ใกล้วัดมาก ราคาอาจจะสูงกว่าร้านอื่นนะคะ ค่าเช่าชุด 5000 เยน ค่าทำผมอีก 500 เยน ราคาไม่รวม vat จริงๆก็แอบเสียดายเงินอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามาทั้งทีแล้ว   ไม่อยากพลาดจริงค่ะ ที่เกียวโต นักท่องเที่ยวนิยมมาใส่ชุดกิโมโน ยูกาตะกันเยอะ เพราะ คนญี่ปุ่นเองก็ใส่เป็นเรื่องปกติค่ะ ไม่แปลกประหลาดอะไร เราชอบนะ ถือว่าคุ้ม เพราะถ่ายรูปไปเยอะมาก

Kansai045

Kansai046

พอเที่ยววัดเสร็จ ก็ลงมาเดินเล่น แล้วก็แวะกิน matcha kakigori อร่อยมากเลย

kansai051

เสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุด แล้วก็กลับไปที่สถานีเกียวโต แวะทานราเม็ง ร้านอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 600 เมตรค่ะ

Kansai052

ทานเสร็จก็นั่งบัสจากหน้าสถานีเกียวโต ไปลงป้าย Inari เพื่อมาเที่ยวที่ศาลเจ้า Fushimi Inari เรามาถึงก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ความจริงที่นี่เปิด 24 ชม นะคะ แต่ถ้ามาเย็นๆจะถ่ายรูปยาก เพราะแดดหมด

dscf2658-r

dscf2655-r

กว่าจะกลับถึงสถานีก็เกือบทุ่มแล้ว ก็เลยทานข้าวเย็นที่สถานีก่อน แล้วค่อยนั่ง JR กลับ Osaka โชคดีว่าที่พักติดกับสถานี เลยไม่ต้องลากกระเป๋าไกล

 

วันที่ 8 Osaka

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ วันนี้เรามีเวลาถึงประมาณบ่าย 2 โมงก่อนที่จะไปสนามบิน เราก็เลยเลือกไป Osaka Castle ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของเมืองโอซาก้าก่อนที่จะกลับไทยกัน

เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Tanimachi 4-chrome ทางออก 1B แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที

ค่าเข้าปราสาทคนละ 600 เยนค่ะ

dscf2714-r

ด้านในปราสาทก็จะแสดงประวัติของปราสาท  มีภาพจำลองเหตุการ์ณต่างๆ

file-11-09-2016-22-36-50-r

และสามารถขึ้นไปดูวิวเมืองโอซาก้าได้ 360 องศา บนชั้น 8 ของปราสาทได้อีกด้วย

dscf2687-r

หลังจากออกจากปราสาท เราก็ไปทานอาหารกลางวันกันที่ Gudetama Cafe หรือ cafe ของเจ้าไข่ขี้เกียจ ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของตึก Hep Five สถานี Umeda

kansai053

kansai057

เมนูทุกเมนูทำเป็นตัวเจ้าไข่ขี้เกียจ

kansai054

เมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่สีขาว

img_3669_2400x1600

ข้าวหน้าเนื้อต้มซีอิ๊ว

img_3671_2400x1600

ใครที่เป็นสาวก Gudetama ห้ามพลาดเลยนะคะ มันน่ารักมากจริงๆ

หลังจากทานข้าวเสร็จก็ต้องถึงเวลาโบกมือลาคันไซแล้ว ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ประเทศนี้ก็สร้างความประทับใจให้เราได้ทุกครั้งที่มาจริงๆ

.

.

สุดท้าย ท้ายสุด เราขอสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆให้เพื่อนๆนะคะ

  • ค่าตั๋วไปกลับ Osaka (scoot) รวมน้ำหนักกระเป๋า 10,000 บาท
  • ค่า JR Kansai-Hiroshima Area Pass 4,760 บาท
  • ตั๋ว USJ + Express Pass 5,000 บาท
  • ตั๋ว Haruka +ICOCA 1,500 บาท
  • ค่าที่พัก 7 คืน  11,000 บาท
  • ค่าอาหาร และค่าเข้าสถานที่ต่างๆรวมทั้งหมดก็ประมาณ 40,000 บาทค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ^-^

 

bellie

Thipsumon Kirkkraisuksom

Work hard.. Travel harder :)

1 Comment

LEAVE A COMMENT