Where do you want to travel?
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
“การเดินทางครั้งนี้ สำหรับเราถือว่าเป็นการเดินทางที่ Advanture ที่สุดในชีวิต ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้ใช้ชีวิตบนรถบ้าน ได้เห็นโลกที่ไม่เคยเห็นจนบางที่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่ามีที่แบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือนี่ เราเชื่อว่าถ้าใครได้มานิวซีแลนด์จะต้องตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแบบเราแน่ๆค่ะ”
Bellie
.
-การเดินทาง-
ครั้งนี้เราเลือกบินกับการบินไทย ตอนนั้นมีโปรบินคู่ ตกคนละ 28,500 บาทแถมบินตรงด้วย ถือว่าราคาใช้ได้เลย นอกจากนั้นเราก็ต้องจองตั๋วบินจาก Auckland ไป Christchurch ซึ่งสายการบินในประเทศที่นี่หลักๆมี 2 สายการบินคือ Air New Zealand กับ Jetstar ซึ่ง Air New Zealand ราคาจะสูงกว่าหน่อยแต่รวม น้ำหนักกระเป๋าให้ 23 KG. ส่วนพวกเราเลือก Jetstar เพราะจะซื้อน้ำหนัก Add on ไปเลย 30 KG. ให้เท่ากับการบินไทย ราคาตั๋วไปกลับรวม นน กระเป๋าก็ตกประมาณ 4 พันกว่าๆ
.
-แพลนการเที่ยว-
เราใช้เวลาทั้งหมด 11 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.- 9 พ.ค. 59 โดยเริ่มเที่ยวทั่วเกาะใต้ และมาจบที่หมู่บ้านฮอบบิท ที่เกาะเหนือ ที่เที่ยวหลักๆที่เราไป เริ่มจาก
Christchurch-Lake Tekapo-Mount Cook-Milford Sound-Queenstown-
Wanaka-Fox Glacier-Hokitika-Matamata-Auckland
.
-การเตรียมตัว-
หลังจากตัดสินใจว่าจะไปตะลุยเกาะนิวซีแลนด์แล้ว เราก็ต้องเตรียมตัวกัน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ต้องเตรียมตัวเยอะหน่อย เพราะเราต้องเที่ยวเอง และไม่ได้พักโรงแรม เราขอลิสเป็นข้อๆตามนี้เลยค่ะ
.
-ที่พัก-
.
-ค่าใช้จ่าย-
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 10วัน ประมาณ 85,000 บาทค่ะ
เอาล่ะ!! เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ไปเที่ยวกันเลย
เราขึ้นเครื่องกันตอน 18.45น. บินตรง 12 ชั่วโมง หลับจนเพลิน นอนแล้วนอนอีก ปลายทางคือ Auckland เมืองหลวงของ New Zealand ที่อยู่ที่เกาะเหนือ ตอนประมาณ 10:30 ของวันรุ่งขึ้น (เวลา New Zealand นะคะ) จากนั้น เราก็ไปที่ Domestic Terminal เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึง หรือว่า จะขึ้นรถบัส ของทางสนามบินก็ได้ พอถึง terminal เราก็ทำการเช็คอินที่ เคาน์เตอร์ Jetstar และก็ขึ้นเครื่องกันเลย
บนเครื่องมีแจกแซนวิชกับน้ำดื่มให้ค่ะ
ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Christchurch แล้ว วิวข้างล่างสวยมากๆเลย
Tips: ใครจะมาไม่ต้องเปิดโรมมิ่งนะ มาซื้อซิมการ์ดที่นี่ของเครือข่าย Vodafone ได้เลย เราซื้อแบบ 43 เหรียญ โทรกลับไทยได้ 200 นาที 3G & 4G ได้สูงสุด 3 gb และส่ง sms ได้ 200 ข้อความ
ในที่สุดก็ถึงซักที อากาศเย็นสบายมากเลย
คืนนี้เราจะพักกันที่ Gateway Motor Lodge ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 15 นาที พอรับกระเป๋าเสร็จเราก็โทรไปหาที่พัก ให้เค้ามารับที่ สนามบิน
พอถึงที่พัก พวกเราก็เปลี่ยนชุด พักผ่อนสักพัก
แล้วก็นั่งบัสเข้าเมืองไปหาอะไรทานกัน รถบัสที่นี่ พอซื้อตั๋วแล้วสามารถใช้ได้สองชั่วโมง จะเดินทางกี่รอบ ก็ได้ ค่าบัส คนละ 3.5 เหรียญค่ะ ดึกแล้วคนโล่งมาก
คืนแรกเราก็ประเดิมกันที่ร้านอาหารสุดหรู เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้ ชื่อร้าน Cafe Valentino ร้านนี้คนแน่นทุกวันเลย
ร้านนี้เค้าติดอันดับ ได้แชมป์เนื้อแกะ และเนื้อวัวดีเด่นหลายปีมาก
พออิ่มแล้ว ก็ไปเดินซื้อ อาหารเช้ากัน ที่ New World ซึ่งเป็น Supermarket ชื่อดัง ของ New Zealand
วันนี้ เราต้องไปรับรถบ้านที่สนามบิน เราเลยให้ทางโรงแรมไปส่ง ที่สนามบินอีกที (ทางโรงแรมมีบริการรับส่งที่สนามบินด้วย ใครจะใช้บริการแจ้งทาง Reception ล่วงหน้าได้จ้า)
เราโทรเรียกบริษัท รถบ้าน Maui (อ่านว่า เมาวี เป็นภาษา เมารี) พอไปถึงที่รับรถ เค้า ก็จะให้อ่าน เอกสารเรื่อง สัญญาการรับ และ คืนรถ เรื่องการขับขี่ใน New Zealand เรื่องความปลอดภัยต่างๆ
จากนั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไป ที่รถของเรา พอไปถึงรถ โอ้โห ใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลย จะขับได้มั้ยเนี่ย ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะทำการอธิบาย วิธีการใช้รถบ้านอย่างละเอียด ตั้งแต่การเติมน้ำ ถ่ายน้ำ ระบบไฟ นู่นนี่นั่น มีอะไรสงสัยถามเค้าได้เลยนะคะ พวกเรามีถ่ายวีดีโอไว้กันลืมด้วย 🙂
รถใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลย ตื่นเต้นมากๆ
หลังจากรับรถเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไป สู่จุดหมายแรกของเราก็คือ Lake Tekapo
ระหว่างทางก็จะมีจุดแวะพักให้ได้ถ่ายรูปกันตลอดเลย
ขับไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง Lake Tekapo แล้ว ทะเลสาบที่นี่เป็น ทะเลสาบที่สวยติดอันดับในเกาะใต้เลย และยังมี โบสถ์ เก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่อยู่ด้วยโบสถ์นี้ชื่อว่า Church of a Good Sherped ไปถึงก็ประมาณ 3 โมงกว่า ฟ้ากำลังใสเลย พอถึงทะเลสาบ ทุกคนร้องว้าวววววว สวยมากจริงๆ
น้ำใสแจ๋วเลย ถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด
ก่อนจะเดินรอบทะเลสาบ เราก็เติมพลังกันก่อนที่ร้าน Reflections Cafe & Restaurant
ร้านอาหารที่นี่บางร้านจะมี รอบเช้า และ บ่าย ซึ่งอาหารจะไม่เหมือนกัน บางร้าน ช่วงบ่ายจะขายอาหารเบาๆ เราก็เลยต้องรองท้องไปด้วยแซนวิช และฟิช แอนด์ ชิปค่ะ
พออิ่มท้องแล้ว เราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกัน
ลองเอาเท้าไปจุ่มน้ำดู น้ำเย็นเจี๊ยบเลย
อยากอยู่ตรงนี้นานๆจังเลย
ถ่ายรูปกันเพลินจนพระอาทิตย์จะตกดิน
หลังจากนั้นก็เดินเลยไปถ่าย โบสถ์กัน ซึ่งโบสถ์นี้ถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้ตลอดเลยค่ะ เสียดายคืนนี้ไม่ได้นอนที่นี่ เลยอดดูดาวที่นี่เลย
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ Mount Cook ตามแผนที่วางไว้ จาก Lake Tekapo ไป Mount Cook จะผ่าน Lake Pukaki ซึ่งเป็นทะเลสาบสีฟ้าที่สวยงามที่สุดในนิวซีแลนด์ สวยมากจริงๆ น้ำนิ่งฟ้าใส เห็นน้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าเลย ตัดกับ ยอดเขา Mount Cook ที่เป็นสีขาว เพราะปกคลุมไปด้วยหิมะ งดงามอย่างที่สุด แต่เราไม่ได้แวะถ่ายรูป เพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว เลยไม่มีรูปมาให้ดูเลย
Tips: การขับรถที่นี่ต้องวางแผนเรื่องเวลาหน่อยเพราะบางทีเจอทางขับยาก ผ่านเมืองห้ามใช้ความเร็วเยอะ มีเขา มีทางชันเยอะ อาจจะใช้เวลามากกว่าที่กำหนดไว้
คืนนี้เรานอนที่ Campsite เป็นคืนแรก เราเลือกที่ Glentanner Campsite เพราะใกล้กับ Hooker Valley Track ที่เราจะไปเดินกันพรุ่งนี้ ที่นี่ปิดสองทุ่ม แต่พวกเราไปถึง สามทุ่มแล้ว เลยเชคอินไม่ทัน เราก็เลยไปจอดที่มันว่าง ละก็จอดดื้อๆเลย หลังจากนั้นก็เสียบ power และเปิดแก๊ซ ทำกับข้าวกัน พวกเราชอบทำกับข้าวบนรถมากกว่า เพราะที่ส่วนกลางคนเยอะ ไม่อยากวุ่นวาย ก็เลยทำกันบนรถเนี่ยแหละ ให้ดูพื้นที่ในการทำอาหารซักนิด ก่อนทีสภาพรถจะรกไปกว่านี้ 555
Tips: เราหุงข้าวโดยใช้ไมโครเวฟนะ หุงง่ายมาก ออกมาก็เหมือนหุงในหม้อเลย วิธีก็ง่ายๆ ซาวข้าวตามปกติ ใช้น้ำเหมือนหุงหม้อ แล้วก็เอาเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงสุด 15 นาที ไม่ต้องปิดฝา ออกมาอร่อยเลยจ้า เราทำได้ทุกคนก็ทำได้
ตื่นเช้ามาเพิ่งจะรู้ว่าที่เรานอนเมื่อคืนวิวสวยขนาดนี้เลย แต่เราไม่มีเวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติซักเท่าไหร่ เพราะเราต้องรีบออกเดินทางกันต่อแล้ว
หลังจากกินอาหารเช้ากันเสร็จ เราก็ออกเดินทางกันต่อ เพื่อที่ไปดู Mount cook ที่ Hooker Valley Track แต่ระหว่างทางขอแวะลงไปถ่ายรูปซักหน่อย เพราะอดใจกับวิวข้างทางไม่ได้จริงๆ เหมือนถนนเป็นของเราเลย
ขับไปไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ Hooker Valley Track ใช้เวลาเดิน ไป-กลับ ประมาณ 4 ชั่วโมง เค้าว่ากันว่าคุ้มค่ากับการเดินมากๆ เราก็เลยไม่อยากพลาดค่ะ
พร้อมเดินทางแล้วค่ะ ในเป้มีขนมและน้ำ เผื่อหิวค่ะ
ทางเดินตลอดทางจะเป็นหินเล็กๆ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าเดินป่านะคะ เดินไปเรื่อยๆก็จะพบกับสะพานแขวนหรือ Swing Bridge และมีจุดชมวิวให้แวะพักหายใจนิดนึงค่ะ
ถ่ายบนสะพานซักหน่อย
และก็เดินต่อไปจนพบสะพานอีกอันนึง แต่หนทางอีกยาวไกลมาก ระหว่างทางก็จะมีลำธารที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา
เราเดินมาจนถึงสะพานไม้กันก็หมดแรงแล้ว ก็เลยเดินกลับกัน
หลังจากเดินเขาเสร็จ เราก็ต้องเดินทางกันต่อเพื่อจะไปพักที่ Te Anau
คืนนี้เรานอนกันที่ Te Anau Top 10 Holiday park ที่นี่เป็นที่พักที่เราชอบที่สุดใน campsite ทุกที่เลย เพราะ วิวสวย ห้องน้ำสะอาด ที่จอดรถเป็นสัดส่วนดีมาก ที่สำคัญที่นี่ มี wifi ให้ด้วยนะ
วันนี้เราจองกิจกรรมล่องเรือที่ Milford Sound ผ่านทางเวบไซต์ http://www.jucycruize.co.nz/ เลือกใช้บริการของ JUCY Cruise รอบแรกตอนเช้า 9:45 น. ราคาผู้ใหญ่คนละ NZ$45 ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้มาถึงก่อนเรือออก 45 นาทีเพื่อมาเช็คอิน แต่เนื่องจากระหว่างทางฝนตกตลอดทาง และทางขึ้นก็ชัน และเป็นทางเดินรถสวนกัน ทำให้ทำความเร็วไม่ได้ กว่าพวกเราจะไปถึงก็ 9.15 น. แล้ว เราก็รีบไปที่ท่าเรือกัน โชคดีที่ยังไปถึงทันเวลา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยค่ะ แต่คนขับเรือบอกว่าที่นี่ฝนตกเป็นเรื่องปกติค่ะ น่าเสียดายถ้าฝนไม่ตกคงจะสวยน่าดูเลย
Tips: สำหรับใครที่อยากออกไปสัมผัสกับน้ำตก อย่าลืมพกเสื้อกันฝนไปด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้พกไปเค้ามีขายก่อนขึ้นเรือค่ะ
น้ำตกไหลแรงมากเลย
หลังจากลงจากเรือแล้ว พอเราขึ้นรถเท่านั้นแหละ ฝนที่ตกกระหน่ำก่อนหน้านี้ ก็หยุด แล้วฟ้าก็กลับมาใส เหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยฝนตกมาก่อน อยากร้องไห้จริงๆ
หลังจากนั้น เราก็ขับรถยิงยาวเข้า Queenstown เลยค่ะ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะระยะทางเกือบ 300 กิโล กว่าจะถึง Queenstown ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ตอนแรกว่าจะแวะเดินเล่นในเมือง ก็เลยต้องไว้เดินวันหลัง สำหรับคืนนี้ เราพักกันที่ Queenstown Holiday Park Campsite ค่ะ
วันนี้ตื่นมาพร้อมกับความตื่นเต้น เพราะพวกเราจะไป Sky Diving กัน ด้วยความที่ตอนแรกเราตั้งใจจะไปโดดกันที่ Queenstown แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่อากาศดีที่สุดในรอบสัปดาห์ ทำให้คิวที่ Queenstown เต็มทั้งวัน เราเลยต้องหาที่ใหม่ ไปเล่นที่ Wanaka แทน เราจองไว้รอบ 12.00 น. ก็เลยมีเวลาช่วงเช้าพอที่จะแวะไปที่เมือง Arrow Town ก่อนได้
เมือง Arrow Town เป็นเมืองที่น่ารักมากกก ขอย้ำว่ามาก ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆค่ะ โดยเฉพาะถ้าใครได้ไปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอย่างเรา เราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกันมากจนเกือบลืมเวลา
เจอรถจอดอยู่หน้าบ้าน โอ๊ยอยากมีแบบนี้ซักคันนึง
จาก Arrow Town ขับออกมาอีกไม่ไกลก็ถึงเมือง Wanaka และเราก็มุ่งหน้าไปที่ Sky dive Wanaka ทันที
พอไปถึงเค้าก็ให้พวกเราลงทะเบียน ใส่ชื่อ น้ำหนัก ส่วนสูง พร้อมเลือกระดับความสูง เค้ามีให้เลือกระหว่าง 12,000 Ft. กับ 15,000 Ft. พวกเราเลือกกันที่ 12,000 ft. ก็พอค่ะ ส่วนของการถ่ายรูป เค้ามี 3 แบบ ก็คือ วีดีโอ, ถ่ายรูป ซึ่งคนที่เป็น Buddy เราจะถือ Gopro ติดตัวถ่ายให้ และอีกแบบคือ ที่มีคนถ่ายให้ ซึ่งแบบนี้ราคาจะสูงสุด เพราเหมือนว่าอีกคนต้องกระโดดแยก เพื่อถ่ายภาพให้เราโดยเฉพาะ พวกเราเลือกแบบวีดีโอ เพราะจะได้ Snap รูปที่อยากได้ ได้เอง สนนราคาอยู่ที่ คนละประมาณ 11,000 บาทรวมถ่ายวีดีโอ รายละเอียดลองไปดูได้ในเวบไซด์น้า http://www.skydivewanaka.com/
หลังจากลงทะเบียนเสร็จ เค้าก็ให้เราเข้าไปดูวีดีโอสอนวิธีการโดด และก็ไปใส่ชุด และอุปกรณ์เตรียมโดดกันเลย Buddy ของแต่ละคนก็จะมาแนะนำตัวและพาเราขึ้นเครื่องบินกัน
พอขึ้นไปปุ๊บก็ให้เรานั่งติดกับเค้า และใส่อุปกรณ์ให้เราเต็มไปหมด ทั้งหมวก แว่นตา ถุงมือ Safety มากๆ ตอนขึ้นไปทุกคนตื่นเต้นกับวิวที่เห็นมาก แต่ก็เสียวมากๆเหมือนกัน พอบินไปถึงระยะที่ต้องโดด เค้าก็เปิดประตู ละก็ถึงเวลาโดดกันเลย วินาทีที่โดดลงไปขอบอกว่าเสียวมากกกก
สุดๆในชีวิตแล้วจริงๆ 45 วินาทีนี้เหมือนจะแป๊บเดียว แต่สำหรับเรานี่นานมาก
โฉมหน้า Buddy ของเรา ยิ้มแบบไม่มีทีท่าว่าจะกลัวอะไรเลย
หัวใจจะวาย กรี๊ดจนเสียงหายเลย
ค่าเสียหายจาก Skydive พวกเราเลือก option แบบรวมถ่ายวีดีโอ เสียคนละ $478 ถ้าใครโดดอย่างเดียว ก็คนละ $329 แต่มาทั้งทีแล้ว ยอมเสียเงินค่ะ เราแนะนำให้เลือกแบบวีดีโอนะคะ แล้วมา snap shot เลือกรูปที่ชอบเอาเอง
หลังจากโดดร่มเสร็จ เราก็เข้าเมืองไปหาอะไรทานกัน เราเลือกร้านที่คนเยอะๆเข้าไว้ เพื่อความแน่ใจว่าอร่อยแน่ 55
ร้านที่เราทานชื่อร้าน Kai Whakapai จะขายอาหารและเครื่องดื่มค่ะ เราสั่งเบอร์เกอร์ และพิซซ่ามา รสชาติดีมากๆเลย
เบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่มากๆ
พอทานเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นที่ Lake Wanaka
เป้าหมายเราคือเดินไปตามหา Wanaka tree เพราะเห็นว่าใครไปก็ต้องไปถ่ายรูปกับต้นนี้ เป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในทะเลต้นเดียวเลย ทะเลสาบที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย
เห็นเค้าเล่นกัน ขอเล่นมั่ง กว่าจะได้รูปนี้ หลายช็อตมาก 555
จากนั้น เราก็เดินทางเข้าที่พักกัน คืนนี้เราพักกันที่ Wanaka Top 10 Holiday Park ซึ่งที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจาก Lake Wanaka เลย ขับรถไปนิดเดียวก็ถึงค่ะ
ตอนนี้ก็เดินทางกันมาครึ่งทางแล้ว พรุ่งนี้เราจะเข้าเมือง Queenstown กัน ต้องออมแรงไว้ก่อน จะหนทางยังอีกยาวไกล
—
ตามไปอ่านกันต่อได้ที่ นิวซีแลนด์ ดินแดนต้องห้าม…พลาด (Part II) นะคะ กดลิงค์นี้ได้เลย http://www.vacationisty.com/2016/10/23/newzealand-part2/
—