Where do you want to travel?
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
2 วันนี้เราจะพาไปเที่ยวกันที่เมือง Hakodate ซึ่งเป็นเมืองท่าของเกาะ Hokkaido และยังเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนที่ชื่นชอบอาหารซีฟู้ดของญี่ปุ่นเลยค่ะ เมืองนี้มีสถานที่ที่น่าประทับใจหลายที่มากเลย จะสวยแค่ไหน ตามไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
Bellie
รอบรถไฟเราก็เช้าตรู่มาก 6.30-10.20 น. เป็นรถไฟเร็วสาย JR Super Hokuto เราได้นั่งโบกี้แรกเลย เป็น reserve seat ได้นั่งฝั่งซ้าย มองวิวสวยๆตลอดทาง จะผ่านเมือง Chitose รถไฟจะวิ่งเลียบทะเล (Uchiura Bay) และยอดภูเขาแฝด Komagatake นั่งชมวิวกันยาวๆเลยจ้า พวกเรารวมกระเป๋าเป็นใบใหญ่ใบเดียว แล้วฝากอีกใบไว้ที่โรงแรม เพราะเราจะกลับมาพักที่เดิมอีกที
Tip: ใครที่ซื้อ JR Hokkaido Pass แบบเรา เราแนะนำว่าให้จองรอบรถไฟทุกรอบตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยนะคะ เพราะรถไฟบางขบวนจะเต็มเร็วมาก โดยเฉพาะขบวนที่วิ่งจาก Sapporo-Hakodate เนี่ยจะแน่นสุดๆเลยค่ะ
ระหว่างทางก็สั่งเบนโตะบนรถไฟมากินพร้อมกาแฟร้อนอีกแก้ว
พอถึงสถานีก็เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม คืนนี้ เราพักกันที่ Loisir Hotel hakodate โรงแรมเราใกล้มาก เดินออกมาจากสถานีก็อยู่ฝั่งขวามือเลย ชั้นล่างของโรงแรมก็เป็น plaza สามารถซื้อขนม ของฝากที่นี่ได้เลยค่ะ สะดวกสบายมาก แถมราคาย่อมเยาอีกต่างหาก
หลังจากนั้นเราก็เดินไปตลาดปลา ออกจากโรงแรมมาเลี้ยวซ้าย เดินข้ามถนน ตรงไปก็ถึงแล้ว ใกล้สุดๆ เราก็เดินเล่น กินเมล่อน ราคาชิ้นละ 100 เยน หวาน ชุ่มฉ่ำสุดๆ
นอกจากเมล่อนหวานๆแล้วก็ห้ามพลาดที่จะทานข้าวโพดนะคะ ราคาสูงกว่าไทยหลายเท่า แต่รสชาติก็อร่อยกว่ามากๆเลยค่ะ ราคาแบบสดฝักนึง 250-300 เยนค่ะ ถ้าเป็นแบบข้าวโพดขาวก็ฝักละ 380 เยน
แล้วเราก็กินอาหารเช้ากันที่นี่ค่ะ มาถึง Hakodate แล้ว พลาดไม่ได้ที่จะต้องกินอาหารทะเลสดๆ เราก็เลยสั่งเป็น Kaizen Don ที่สามารถเลือก Topping ได้เอง จานนี้เราเลือก กุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ และ King crab ค่ะ ราคา 1500 เยนค่ะ ถูกมากก ถ้าเทียบกับรสชาติแล้ว เพราะว่ามันอร่อย และก็หวานมากๆ
พออิ่มท้องแล้ว จากนั้นก็เดินไปขอข้อมูลท่องเที่ยวที่ tourist information ตรง JR Station เค้าแนะนำให้ซื้อ Tram + Bus pass แบบ 2 วันราคาคนละ 1700 เยน เพราะว่าคุ้มสุด และสามารถเที่ยวได้ทั่วๆ Hakodate เค้าแนะนำว่าวันนี้ให้ไปเที่ยวที่ Bay, Hachiiman Slope และเดินเล่นแถวนั้น แล้วตอนกลางคืนให้ไปชมวิวที่ MT.Hakodate ส่วนวันพรุ่งนี้ เค้าให้เราไป ป้อมรูปดาว (Goryokaku) แล้วก็ไปสวนสาธารณะมิฮาราชิเพื่อดูใบไม้เปลี่ยนสี
พอเราได้ข้อมูลครบแล้ว จากนั้นเราก็เดินไปขึ้น tram เพื่อไป Bay ค่ะ ไปลงที่สถานี Jujigai
เรามาถึงสถานี Jujigai ก็เดินไม่ไกล ก็ถึง Kanemori Red Brick Warehouse ค่ะ ที่นี่มี ไปรษณีย์เก่า ที่ตอนนี้ขายเป็นของกระจุกกระจิก และเราก็ไม่พลาดที่จะแว๊บไปชอปปิ้งนิดหน่อย จากนั้นก็เดินต่อไปแถว Bay ที่นี่มีร้านขายของน่ารักมากเลย แต่กลัวเสียเวลาเลยไม่ได้เดิน อยากบอกว่า Starbuck สาขานี้ชิวมากๆ เห็นวิวทะเลสวยงามมากเลยค่ะ
แล้วเราก็เดินต่อไปเพื่อจะถ่ายรูปที่ Hachiiman slope จุดนี้เป็นจุดที่สามารถชมวิวเมือง Hakodate ที่สวยงามอีกที่นึงเลยค่ะ
และไปดู Russian Orthodox church ซึ่งเป็นโบสถ์ Orthodox แห่งแรกในญี่ปุ่นด้วยค่ะ
เมื่อเดินขึ้นเนินไปก็จะพบกับอาคารไม้แบบตะวันตกตั้งเด่นอยู่ที่เนินเขาเรียกว่า Old Public Hall of Hakodate Ward
เดินจนเมื่อยกันมากแล้ว ก็นั่ง tram กลับไปที่ Hakodate station กลับไปใส่เสื้อให้หนาๆ เพราะอากาศเย็นลงมาก น่าจะเลขตัวเดียวแล้ว พร้อมด้วยเอาขาตั้งกล้อง เพื่อจะไปดูวิวตอนกลางคืนที่ Mt.Hakodate กัน ก่อนไปเราก็แวะทานราเมนกันใต้โรงแรม ร้านนี้ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน ชื่อร้าน Zundo Ramen เป็นราเมนขาปู แต่น้อยกว่าร้านที่กินเมื่อวาน รสชาติออกจะไม่เข้มข้นเท่า แต่ก็ถือว่าอร่อยค่ะ
จากนั้นเราก็ไปขึ้นรถกัน ทีแรกก็คิดว่าคนคงไม่น่าเยอะ ปรากฏว่าพอไปถึง bus stop คนเตรียมไปที่นี่กันเยอะมาก น่าจะเป็นเพราะ ropeway ซ่อมอยู่ด้วยคนเลยต้องนั่งรสบัสอย่างเดียว
เราออกจากสถานีประมานเกือบทุ่มนึง ใช้เวลาประมาน 40 นาทีก็ถุงจุดชมวิว อยากจะบอกว่า สวยมากกก กว่าที่คาดไว้ และก็หนาวมากด้วย วิวตอนกลางคืนนี่ถ่ายยากมากจิงๆ ถ่ายคนก็ไม่สวยด้วย
พอถ่ายเสดเราก็กลับไปพักผ่อนกัน
.
.
เช้าวันใหม่ ตื่นเช้ามาพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย เราก็เลยเริ่มต้นวันจากที่ตลาดปลา Asa-ichi เพื่อไปกินข้าวเช้ารอฝนหยุดตก เราเลือกกินเมนู ปูขนนึ่ง 4500 เยน ปลาหมึกสดๆ 800 เยน และ แซลมอนย่างซีอิ๊ว
พอกินเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี เราก็เลยนั่งบัสไปลงที่ สถานี Goryokaku เพื่อไปสวนสาธารณะโกเรียวคะคุหรือสวนรูปดาว เราไปถึง ก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูปในสวนก่อน สวนนี้เป็นรูปห้าแฉก ซึ่งมีความสวยงามในทุกฤดู ถ้าใครได้มาในช่วงเดือน เมษายน ก็จะเห็นเป็นซากุระ สวยงามมาก แต่เรามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็สวยงามไม่แพ้กัน มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ
พอเดินเล่นในสวนเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปดูวิวบนหอคอยเพื่อชมความงามของป้อมรูปดาวโกเรียวคะคุจากมุมสูง เสียค่าตั๋วคนละ 800 เยนค่ะ แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ะ เพราะวิวข้างบน สวยจริงๆ
ต่อจากนั้น เราก็ทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ค่ะ เป็นร้านดังเก่าแก่ที่ขายข้าวแกงกระหรี่ ซึ่งมาเปิดสาขา express บนหอคอย อยู่ชั้น 4 แต่เราไม่ชอบกินแกงกะหรี่ก็เลย จัด สตูร์เนื้อไป รสชาติใช้ได้เลยค่ะ
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็หาทางไปที่ สวนสาธารณะมิฮาราชิ / โคเซ็ตสึเอ็น ตามรูปที่ได้โบชัวร์มา ที่หอคอยไม่มี Tourist Information counter เอาแล้วสิ ทำไงดี ถ้าจะนั่งแท็กซี่จากตรงนี้ก็แพงมาก ก็เลยไปถามทางจากคนขาย giftshop เค้าบอกให้ไปขึ้นรสบัส แล้วก็บอกแผนที่มาเป็นภาษาญี่ปุ่น สารภาพตรงๆค่ะ ว่างงมาก ก็เลยเดินมั่วๆไป ระหว่างทาง เจอคุณลุงคนนึง เลยถามทางเค้า โชคดีมากที่คุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยค่ะ แล้วเค้าก็เลยบอกทางให้ไปขึ้น Tram แล้วให้นั่งไปสุดสาย รอดตายละค่ะ
เราก็นั่ง Tram มาตามที่คุณลุงบอก แต่พอถึงแล้ว ยังไงต่อล่ะ มันยังไม่ถึงสวนน่ะสิ เราก็เลยตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ เพราะคงไม่ไกลมาก ก็เลยนั่งแท็กซี่กันไป เสียไป 700 เยน ก็ถึงจนได้ พอไปถึงก็ประมาณเกือบ 4 โมงเย็นแล้ว
ขอบอกว่าที่นี่สวยจิงๆค่ะ สวนสาธารณะโคเซ็ตสึเอ็น เป็นสวนแห่งเดียวในฮอกไกโดที่รัฐบาลประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ตามทางเดินจะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงอมส้มร่วงปกคลุมพื้นดิน ประกอบกับต้นเมเปิล และต้นไม้อื่นๆนานาชนิด ทำให้สวนนี้เหมาะแก่การมาถ่ายรูปอย่างยิ่ง
เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อสวนนี้ เพราะว่าไม่มีในหนังสือนำเที่ยว พวกเราดีใจมากที่ตัดสินใจมาสวนนี้ ถ่ายรูปกันกระหน่ำมากค่ะ แล้วก็ได้รูปสวยๆมาเต็มเลยค่ะ
เราอยู่ที่นี่กันจนพระอาทิตย์ตก ก็ประมาณ 6 โมงเยน แล้วเราก็นั่งบัส กลับไปที่ Tram เพื่อจะไปเดินเล่น และ dinner กันที่แถว Bay
กว่าจะถึง Bay ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว เราก็เลยไปเดินเล่นกันใน Red Brick ที่นี่ขายของกุ๊กกิ๊กเยอะมาก อยากได้ไปหมด แต่เดินได้ไม่ถึง 10 นาที เค้าก็ประกาศว่าร้านค้าปิดทำการเวลา 1 ทุ่มค่ะ เซงมากเลย ที่นี่ทุกอย่างปิดเวลา 1 ทุ่ม เร็วไปไหนเนี่ย เราก็เลยออกมาหาร้านอาหารกินมื้อเย็นกัน แล้วก็จบลงที่ร้าน Lucky Pierrot ร้านแฮมเบอร์เกอร์อันดับ 1 ซึ่งเป็นร้านดังที่มีอยู่ทั่ว Hakodate หน้าร้านเป็นรูปตัวตลก
ภายในร้านก็ตกแต่งได้เหมือนอยู่ในสวนสนุกเลยค่ะ ทีสำคัญอาหารอร่อยและราคาไม่แพงด้วย
เราขอจบทริป Hakodate แต่เพียงเท่านี้ค่า ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะค๊า
ตามไปต่อที่ Autumn in Hokkaido (Day 4 in Noboribetsu) คลิกตามลิงค์ได้เลยค่ะ http://www.vacationisty.com/2016/08/30/hokkaido-noboribetsu/