Where do you want to travel?
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
Your journey will lead you to famous domestic and foreign beauty spots.
ทริปนี้นอกจากเราจะได้เห็นธรรมชาติอันงดงามจากฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว เรายังมีโอกาสได้ขึ้นเขาไปสัมผัสหิมะแรกบนเกาะฮอกไกโดด้วย ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น คุ้มสุดๆไปเลย
วันนี้เราก็ต้องตื่นเช้ากันอีกแล้ว เพื่อนั่งรถไฟไปที่เมือง Asahikawa เพราะรอบรถไฟเรา 7:26-10:25 เราเลยต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่งมาอาบน้ำแต่งตัว และลงไปกินอาหารเช้าตอน 6:30 กินได้แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ต้องรีบนั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถไฟ Noboribetsu แล้ว
พอถึงสถานี Asahikawa เราก็เดินไปรับรถที่เราเช่าไว้ค่ะ office car rental อยู่ติดกับสถานีเลย เดินไปนิดเดียวก็ถึง ตอนที่รับรถ เค้าก็แนะนำทาง และวิธีการใช้ GPS แล้วก็ให้อุปกรณ์ปัดหิมะมาด้วย เผื่อว่าขับรถแล้วเจอหิมะ เพราะเมื่อวานที่ยอดเขา Asahidake หิมะตกแล้ว
จุดหมายแรก และจุดหมายเดียวของวันนี้ก็คือยอดเขา Asahidake ที่อุทยานแห่งชาติ Daisetsuzan เราออกจากสถานีมาตอนประมาน 11 โมง เราใช้เวลาไปถึงทางขึ้น ropeway ตอนเที่ยงกว่าๆ ตลอดทางเต้ตื่นเต้นกับธรรมชาติข้างทางมากๆ แวะจอดถ่ายรูปตลอดเวลา แต่ก็สวยจิงๆแหละ
พอไปถึง ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น อากาศบนนั้นประมาณ 0 องศา ทำให้เราเอาอุปกรณ์กันหนาวทุกอย่างที่เตรียมมาเอาขึ้นไปด้วยหมดเลย ไปถึงเราเลยรองท้องด้วยไก่ทอดที่เค้าขายอยู่ตรง ropeway station ก่อนไปขึ้นกระเช้า พนักงานที่ดูแลเจอพวกเราก็แนะนำว่าให้เปลี่ยนรองเท้า ซึ่งเค้ามีให้เช่า คู่ละ 300 yen เอาไว้ใส่กันลื่น กันเปียก พวกเราก็ลังเลอยู่นาน แต่ก็ต้องยอมใส่ จิงๆแล้วมันไม่สวยเลย ก่อนจะขึ้นกระเช้า พนักงานก็จะแนะนำเส้นทางการเดินขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินรอบเขาค่ะ
กระเช้าที่ขึ้นไปไม่มีคนเลย เนื่องจากส่วนใหญ่คนมักจะมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี กระเช้าก็เลยมีแค่เราสองคน เหมือนจองแบบ private มาเลย ดีจัง พอขึ้นไปถึง ทุกอย่างที่เห็นเป็นสีขาวโพลนไปหมด ต้นไม้ก็แข็ง หิมะเกาะหมดแล้ว แต่ว่ามันสวยมากๆ น่าตื่นเต้นที่จะได้เหยียบหิมะแล้ว
ถึงแล้วค่า ทางเดินปกคลุมไปด้วยหิมะหมดเลย
บ่อน้ำ 2 บ่อ กลายเป็นหิมะไปหมดเลย แต่ก็สวยไปอีกแบบนะคะ
ขอประทับชื่อไว้บนยอดเขาซักหน่อย 🙂
หลังจากลงมาจากเขาก็ประมาณ 4โมงเยนแล้ว พอมีเวลา เราก็เลยขับรถต่อไปที่เมือง Furano เพื่อจะไปเดินเล่นที่ Ningle terrace หรือคนญี่ปุ่นเรียกว่า Ninguru Terace ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแรม Prince Hotel ระหว่างทางก่อนถึง Furano เราก็เลยแวะทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Kumagera ร้านนี้เป็นร้านที่ดังเกี่ยวกับพวก Nabe หม้อไฟ แต่พวกเราสั่ง ชาบู ชาบู กับข้าวหมูทอดมาทานกัน เพราะทาน Nabe ไม่เป็น 555 อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยค่ะ เจ้าของร้านก็น่ารักด้วย ถึงเค้าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้แต่ก็ใจดีมากๆค่ะ
ทานข้าวเสดก็ขับรถไปต่อถึง Ningle terrace ระหว่างทางอยากจะบอกว่ามืดมาก ไม่มีไฟเลย แอบน่ากลัว แต่พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังที่มา เพราะที่นี่น่ารักมากจิงๆ เหมือนหมู่บ้านเล็กๆในป่า ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะเป็นร้านขายของมีประมาณ 20 หลัง แต่ละร้านจะขายของไม่เหมือนกัน เป็นของ handmade ทุกร้าน
หลังจากชอปปิ้งพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาขับรถกลับ เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง กลับมาที่ Asahidake station ซึ่งที่พักเราคืนนี้อยู่ที่ JR Inn Asahikawa ติดกับสถานีเลย ด้วยความที่พวกเราไม่รู้ว่าต้องเอารถไปจอดที่ไหนก็เลยไปจอดตรงสถานี JR แต่ว่าก็แอบสงสัยว่าใช่หรือป่าว ก็เลยเดินไปถามที่โรงแรม ปรากฏว่าไม่ใช่ที่จอดของโรงแรม ต้องวนไปจอดที่จอดรถของห้าง AEON พอจอดรถเสร็จก็ลากกระเป๋าขึ้นมาเชคอิน อยากจะบอกว่าตั้งแต่พักมาทริปนี้ โรงแรมนี้ดีที่สุดจิงๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ จะเล่าให้ฟัง
ขออนุญาติเอารูปมาจากเวบไซต์โรงแรมนะคะ พอดีเหนื่อยมากเลยลืมถ่ายรูป
ถ้ามีโอกาสกลับมาที่นี่จะเป็นตัวเลือกแรกที่เลือกแน่นอน สำหรับวันนี้ขอจบทริปแต่เพียงเท่านี้ค่า 🙂
ตามไปต่อกันได้ที่ Autumn in Hokkaido (Day 6 in Biei and Asahiyama Zoo) คลิกตามลิงค์เลยค่ะ http://www.vacationisty.com/2016/08/31/hokkaido-furano-biei-asahiyama-zoo/
1 Comment